ประมวลกฎหมาย
ประเทศภาคพื้นยุโรปได้รู้จักการจัดทำ ประมวลกฎหมาย
มาเป็นเวลานานแล้ว ดังจะเห็นได้จากกฎหมายที่ใช้ในดินแดนประเทศเมดิเตอร์เรเนียน
ซึ่งตามความเข้าใจแรกเริ่มนั้น
ประมวลกฎหมายเป็นการจัดทำให้กฎหมายมีความชัดเจนแน่นอนและสามารถหาใช้และอ้างอิงได้ และเพื่อที่ผู้ปกครองจะสื่อสารกฎหมายไปยังประชาชน
บทความนี้จะกล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดทำประมวลกฎหมาย
ต่อจากนั้นจะกล่าวถึงประมวลกฎหมายของฝรั่งเศส การจัดทำประมวลกฎหมายสมัยใหม่
และการจัดทำประมวลกฎหมายของสหภาพยุโรป
๑. วัตถุประสงค์ในการจัดทำประมวลกฎหมาย
การจัดทำประมวลกฎหมายเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์หลายประการ
ดังนี้
(ก) เมื่อแรกเริ่มนั้น
ประมวลกฎหมายมีวัตถุประสงค์เป็นการรวบรวมกฎหมายและกฎระเบียบที่มีใช้อยู่อย่างมากมายในดินแดนนั้นให้เป็นหมวดหมู่
ประมวลกฎหมายจึงมีวัตถุประสงค์เป็นการจัดวางโครงสร้างกฎหมาย และทำกฎหมายให้มีความสอดคล้องกัน
(ข)
แม้ว่าตามกระบวนการตรากฎหมายจะมีความละเอียดรอบคอบในการจัดทำกฎหมายที่จะไม่ให้มีความผิดพลาดก็ตาม
แต่การรวมกฎหมายและทำขึ้นเป็นประมวลด้วยนั้นก็ยิ่งจะเป็นการตรวจสอบและขจัดปัญหาความไม่สอดคล้องได้อีกขั้นตอนหนึ่ง
(ค) ในระยะต่อมาการจัดทำประมวลกฎหมายเป็นไปเพื่อให้ประชาชนหากฎหมายอ่านได้
เนื่องจากมีการตรากฎหมายออกมามากมายและกระจัดกระจาย
ประชาชนจะได้สามารถค้นหากฎหมายได้ในที่เดียวอย่างเป็นระบบ
ในอีกมุมมองหนึ่งการจัดทำประมวลกฎหมายจึงเป็นงานในแง่มุมของการค้นคว้าและประมวลเอกสารกฎหมาย
ซึ่งจะต้องค้นหาหลักกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ แล้วนำมาแสดงอย่างสอดคล้องกัน
เพื่อความเข้าใจที่ง่ายของผู้ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
และไม่เพียงแต่จะต้องรวมกฎหมายและจัดทำขึ้นเป็นประมวลเท่านั้น
แต่ยังจะต้องทำให้ภาษากฎหมายเป็นที่เข้าใจได้ง่าย
๒. ประมวลกฎหมายของฝรั่งเศส
ในปัจจุบันนี้เป็นที่เข้าใจว่ามีประมวลกฎหมายอยู่สองประเภท
คือ ประมวลกฎหมายในลักษณะดั้งเดิม (les codes classiques)
และประมวลกฎหมายในความหมายสมัยใหม่ (les codes modernes)
๒.๑ ประมวลกฎหมายในลักษณะดั้งเดิม
ประมวลกฎหมายฉบับแรก ๆ
ของฝรั่งเศสเกิดขึ้นในสมัยกงสุล (Consulat) ในสมัยนั้นมีการจัดทำประมวลกฎหมายขึ้นมาหลายฉบับ
ฉบับแรกคือ ประมวลกฎหมายแพ่ง (Code Civil) (ปี
๑๘๐๔) ต่อมาเป็นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (Code de procédure civile ) (ปี
๑๘๐๖) ประมวลกฎหมายพาณิชย์ (Code de commerce) (ปี
๑๘๐๗) และประมวลกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีอาญา (Code dinstruction criminelle) (ปี
๑๘๐๘) ซึ่งก็คือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตามความหมายของปัจจุบันนี้
และประกาศใช้ประมวลกฎหมายอาญา (Code pénal)
ในปี ๑๘๑๐
การจัดทำประมวลกฎหมายในลักษณะดั้งเดิมมีหลักการแบ่งหมวดหมู่ออกเป็นสามชั้น
คือ บรรพ (livres) ลักษณะ (titres) และบท
(chapitres)
ต่อจากนั้นเป็นมาตรา (sections) และย่อยลงเป็นวรรค (paragraphes)
การจัดหมวดหมู่เป็นสามส่วนนี้จะเป็นรูปแบบที่สำคัญและยึดถือนำมาใช้กับประมวลกฎหมายของปัจจุบันนี้ด้วย
สำหรับการลำดับเลขมาตรานั้น
ประมวลกฎหมายลักษณะดั้งเดิมจะเรียงมาตราตั้งแต่มาตรา ๑ ไปจนถึงมาตราสุดท้าย
ซึ่งจะเห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งได้ลำดับเนื้อหาตามมาตรา ตั้งแต่มาตรา ๑ จนถึงมาตรา
๒๒๘๓ ระบบนี้ได้ใช้มาจนถึงประมาณปี ๑๙๕๐ จึงได้มีวิธีการเรียงเลขมาตราใหม่
๒.๒ ประมวลกฎหมายสมัยใหม่
(ก) เทคนิคที่เกิดขึ้นในประมวลกฎหมายสมัยใหม่คือ
การปรับปรุงการจัดหมวดหมู่
ประมวลกฎหมายลักษณะดั้งเดิมและประมวลกฎหมายสมัยใหม่มีรูปแบบที่เหมือนกันคือจัดแบ่งหมวดหมู่ออกเป็นสามชั้น
แต่แทนที่จะลำดับมาตราติดต่อกันไปเรื่อยๆ
ก็จะใช้ระบบตัวเลขแสดงตำแหน่งของมาตรานั้นในประมวลด้วย กล่าวคือใช้ตัวเลขสามหลัก
ตัวแรกจะแสดงบรรพ (livres) ตัวที่สองแสดงลักษณะ (titres) และตัวที่สามเป็นหมวด
(chapitres)
ตัวอย่างเช่น มาตราในบทที่ ๑ ลักษณะที่ ๑ และบรรพ ๑
จะได้แก่ ๑๑๑ ซึ่งถ้าเป็นมาตราที่หนึ่ง ก็จะเป็น มาตรา
๑๑๑-๑
(ข) การระบุประเภทของกฎหมาย
ประมวลกฎหมายแบบดั้งเดิมจะมีแต่บทบัญญัติที่เป็นกฎหมายในลำดับศักดิ์ของพระราชบัญญัติ
ประมวลกฎหมายสมัยใหม่จะรวมบทบัญญัติที่เป็นกฎหมายลำดับรองผนวกเข้าไว้ด้วย
เลขมาตราก็จะมีตัวอักษรกำกับด้วย เช่น ถ้ามาตรานั้นเป็นกฎหมายในลำดับพระราชบัญญัติ
จะใช้ตัว L นำหน้า ถ้าเป็นกฎหมายในลำดับรองใช้ตัว R การสั่งการของฝ่ายบริหาร
ใช้ตัว D
ตัวอย่างเช่น มาตรา L111-1
หรือ มาตรา
R111-1
เป็นต้น
ประมวลกฎหมายสมัยใหม่ที่เป็นตัวอย่างที่ดี คือ
ประมวลกฎหมายแรงงาน (Code du travail) ซึ่งจัดทำขึ้นในปี ๑๙๗๐
ประมวลกฎหมายสมัยใหม่ที่จัดทำต่อมาก็จะอยู่ในแนวทางนี้ ปัจจุบันนี้จะมีคณะกรรมการคณะหนึ่งที่เรียกว่า
Commission
supérieur de
codification ซึ่งตั้งขึ้นในปี ๑๙๘๙ เป็นผู้ดูแลการจัดทำประมวล
๓. วิธีการจัดทำประมวลกฎหมายสมัยใหม่ในฝรั่งเศส
นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมาการจัดทำประมวลกฎหมายได้กลายเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการ
ประมวลกฎหมายสมัยใหม่จะไม่ได้เปลี่ยนเนื้อหากฎหมายเดิมที่ประมวลขึ้นใหม่
(codification
à
droit constant) จึงเป็นการรวบรวมกฎหมายในเรื่องเดียวกันที่กระจัดกระจายกันอยู่มาจัดวางและจัดหมวดหมู่ใหม่
จัดลำดับเนื้อหาอย่างมีเหตุมีผล อย่างไรก็ตาม
ผู้จัดทำประมวลกฎหมายสามารถแก้ไขรูปแบบที่เป็นแบบฟอร์มของกฎหมายเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านหรือทำความเข้าใจหรือเพื่อความสอดคล้องของบทบัญญัติต่างๆ
ได้
๔. การจัดทำประมวลกฎหมายของสหภาพยุโรป
สหภาพยุโรปได้จัดทำประมวลกฎหมาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ง่ายต่อการค้นคว้าเช่นเดียวกัน ทั้งนี้
ความคิดริเริ่มนี้เป็นไปตามมติเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๑๙๗๔ (
Résolution
du Conseil du 26 novembre 1974
relative
à la codification de ses actes juridiques JOCE C du 28 janvier 1975)
และต่อมาได้จัดทำความตกลง ลงวันที่๒๐ ธันวาคม ๑๙๙๔ กำหนดวิธีการจัดทำประมวลกฎหมาย (Accord
interinstitutionnel 96/C 102/2 du 20 décembre 1994 Méthode de travail
accélérée pour la codification officiels des textes législatifs JOCE C du
4 avril 1996 (acte modifié)) และในปัจจุบันนี้ก็จะเห็นได้ว่าได้กำลังจัดทำประมวลกฎหมายแพ่งของยุโรป (code civil
européen)
_____________________